News
and Events





เหตุใดทีม SOC ชั้นนำจึงหันมาใช้ Network Detection and Response


เหตุใดทีม SOC ชั้นนำจึงหันมาใช้ Network Detection and Response

ทีม Security Operations Center (SOC) ชั้นนำทั่วโลกเริ่มหันมาใช้เทคโนโลยี Network Detection and Response (NDR) เนื่องจากเครื่องมือรักษาความปลอดภัยแบบเดิมที่เน้นป้องกันที่จุดปลาย (endpoint-based) หรือการตรวจจับโดยใช้ลายเซ็น (signature-based detection) ไม่สามารถติดตามและจับการแทรกแซงของผู้โจมตีที่มีความซับซ้อนได้ ผู้โจมตีรุ่นใหม่ใช้เทคนิค "living-off-the-land" โดยอาศัยเครื่องมือที่มีอยู่ในระบบที่ถูกใช้อย่างถูกต้อง ทำให้กิจกรรมโจมตีสามารถแอบแฝงและหลีกเลี่ยงการตรวจจับได้เป็นเวลานาน บางครั้งอาจนานถึงประมาณ 21 วัน หรือมากกว่านั้นก่อนที่จะถูกพบเห็น


NDR จึงเกิดขึ้นเพื่อเติมเต็มความบกพร่องของมาตรการรักษาความปลอดภัยแบบเดิม โดยระบบนี้จะรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจราจรเครือข่าย (raw network traffic) และ metadata ในระดับลึก โดยใช้วิธีการตรวจจับที่หลากหลายรวมถึงการวิเคราะห์พฤติกรรม (behavioral analytics) โมเดล machine learning เพื่อตั้งค่าเกณฑ์เบื้องต้น และการวิเคราะห์โปรโตคอล (protocol analysis) ที่ตรวจสอบ "การสนทนาระหว่างระบบ" นอกจากนี้ ยังมีการรวมข้อมูลข่าวกรองด้านภัยคุกคามเข้ามาช่วยให้การตรวจจับแม่นยำยิ่งขึ้น ระบบ NDR ยังเสนอความสามารถในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ผ่านการให้ข้อมูลทางนิรนัย (forensic data) สำหรับการสืบสวนและดำเนินการตอบโต้อย่างอัตโนมัติหรือมีแนวทางแนะนำ ที่ช่วยจำกัดความเสียหายได้อย่างรวดเร็ว



ปัจจัยหลักที่ทำให้ทีม SOC หันมาใช้ NDR มีหลายด้าน ได้แก่:


1. การขยายตัวและความหลากหลายของพื้นผิวการโจมตี
ระบบไอทีสมัยใหม่มีโครงสร้างที่ซับซ้อนมากขึ้นจากการนำคลาวด์ คอนเทนเนอร์ IoT และรูปแบบการทำงานแบบไฮบริดเข้ามาใช้ ทำให้เกิดความท้าทายในการมองเห็นการเคลื่อนไหวภายในเครือข่ายที่เครื่องมือรักษาความปลอดภัยแบบเดิมพลาดได้


2. วิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีที่เน้นความเป็นส่วนตัว
เมื่อปริมาณการเข้ารหัสข้อมูลบนเว็บเกือบทั้งหมดเกินกว่า 90% วิธีการตรวจสอบแบบดั้งเดิมจึงไม่มีประสิทธิภาพ ในขณะที่ NDR สามารถวิเคราะห์รูปแบบการจราจรในเครือข่ายที่เข้ารหัสผ่านการตรวจจับ metadata เช่น JA3/JA3S fingerprinting โดยไม่ต้องละเมิดการเข้ารหัส


3. การเพิ่มขึ้นของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ
จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันอย่างต่อเนื่องทำให้การใช้โซลูชันที่ต้องติดตั้ง agent ในทุกอุปกรณ์เป็นเรื่องที่ซับซ้อน NDR ใช้วิธีการแบบปราศจาก agent ที่สามารถมองเห็นกิจกรรมของอุปกรณ์ที่ไม่สามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันได้


4. แนวทางการตรวจจับที่เสริมจุดแข็งหลายชั้น
ในขณะที่ EDR (Endpoint Detection and Response) โฟกัสที่การตรวจสอบกิจกรรมในระดับกระบวนการของจุดปลาย NDR จะจับข้อมูลการสื่อสารในเครือข่ายที่ผู้โจมตีไม่สามารถแก้ไขหรือลบได้ง่าย ทำให้ข้อมูลเครือข่ายเป็น "หลักฐานจริง" (ground truth) ที่สำคัญสำหรับการสืบสวน


5. วิกฤตด้านบุคลากรในวงการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์
ปัจจุบันมีความขาดแคลนบุคลากรด้านความปลอดภัยมากกว่า 3.5 ล้านตำแหน่ง ทีม SOC จึงต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่ช่วยลดภาระงานตรวจจับภัยคุกคามและให้บริบทข้อมูลที่ครบถ้วนเพื่อให้สามารถตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว


6. การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบและมาตรฐาน
กฎระเบียบที่เข้มงวด เช่น GDPR, CCPA, NIS2 และแนวทางเฉพาะในอุตสาหกรรม ต่างกำหนดให้มีการแจ้งเหตุการณ์ภายในเวลาที่สั้นและนำเสนอหลักฐานการสืบสวนที่ละเอียด NDR จึงมีคุณสมบัติในการบันทึกข้อมูลการตรวจสอบ (audit trails) ที่ครบถ้วนและเป็นที่นิยมในวงการเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้


การเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมด้านไอทีและจำนวนของภัยคุกคามที่มีความซับซ้อน ส่งผลให้ทีม SOC ต้องปรับปรุงแนวทางการตรวจจับภัยจากเครื่องมือแบบดั้งเดิมไปสู่ระบบ NDR ที่มีความรอบด้านและสามารถตรวจจับกิจกรรมที่แอบแฝงในเครือข่ายได้อย่างละเอียด เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความสามารถในการตรวจจับภัยคุกคามเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถตอบสนองและจัดการกับเหตุการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุคที่ข้อมูลเครือข่ายกลายเป็นหลักฐานที่สำคัญในการต่อสู้กับการโจมตีไซเบอร์



ที่มา: Thehackernews



ติดต่อสอบถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ AntiVirus, DLP, MDM, Laptop, PC, Server, และผลิตภัณฑ์ไอทีอื่นๆอีกมากมายทั้ง Hardware และ Software พร้อมเสนอราคาที่คุ้มค่าและการบริการที่เปี่ยมประสิทธิภาพ

Mobile: 09 5368 5898

Tel: 0 2093 1625

Fax: 0 2093 1675 (Auto)

Email: sales@ampomicrosys.com





Message to Us

Please fill out the form below to send us an email and we will get back to you as soon as possible.

Contact

Address503 KSL Tower, 12 th Floor, Sri Ayutthaya Road, Thanon Phaya Thai Sub-District, Ratchathewi District, Bangkok 10400

Tel. 0 2093 1625

Call center0 2093 1655

Email: info@ampomicrosys.com

Line ID: Ampo-Service